Chef’s Table กับสไตล์การทำอาหารที่ฉีกกฎการกิน โดยเชฟอาร์ต

ร่วมสัมผัสประสบการณ์พิเศษสุดกับ Chef’s Table by Chef Art โดยเชฟอาร์ต – ศุภมงคล ศุภพิพัฒน์ และครั้งนี้ออกอาการตื่นเต้นมากที่จะได้พบกับการทำอาหารสไตล์แปลกใหม่อย่างไร้ขีดจำกัด ชนิดที่เรียกว่า อร่อยติดปีก ฉีกกฎการกิน ปกติทั่วไปเวลาไปทานอาหารที่ร้านเราต้องเป็นคนเลือกเมนู สำหรับวันนี้ทุกเมนูต้องลุ้นว่าเชฟจะทำอะไรให้ทาน และปรุงให้เห็นชัดๆ ว่าแต่ละเมนูผ่านความตั้งใจ ความใส่ใจ สร้างสรรค์ผลงานลงไปอย่างไรบ้าง ความรู้สึกนั้นมันช่างพิเศษจริงๆ ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่มอบโอกาสดีๆ ให้ maamjourney และเพื่อนบล็อกเกอร์นะคะ

ก่อนจะไปรับประทานอาหารฝีมือเชฟคนดัง ต้องขอแนะนำเชฟอย่างเป็นทางการก่อนค่ะ คุณศุภมงคล ศุภพิพัฒน์ หรือ เชฟอาร์ต เป็นครูสอนทำอาหารที่โรงเรียนสอนการประกอบอาหารเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต เป็นที่ปรึกษาด้านอาหารให้กับบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ปัจจุบันดูแลเมนูอาหารและฝึกอบรมเชฟที่ร้านภูภิรมย์ สิงห์ ปาร์ค เชียงราย รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาและออกแบบเมนูอาหารให้กับอีกหลายร้าน ประวัติไม่ธรรมดาเลยนะคะ คาดว่าฝีมือก็ต้องไม่ธรรมดาเช่นกัน

ระหว่างที่เชฟอาร์ตทำอาหารให้ทานนั้น บรรยากาศเป็นกันเองมาก ได้ถามเชฟว่า จากนักกีฬาว่ายน้ำทำไมถึงพลิกชีวิตมาเป็นเชฟได้ เชฟตอบว่าเพราะชอบทำ ชอบทาน มีความสนุกได้ทำสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา นอกจากจะเป็นนักกีฬาแล้วยังชอบนักกีฬาฟุตบอล ดิเอโก้ มาราโดน่าด้วย เห็นได้จากภาพหัตถ์พระเจ้าบนฝาผนังของครัวในบ้านของเขานั่นเอง

เชฟได้อธิบายความหมายแท้จริงของ Chef’s Table คือโต๊ะอาหารที่อยู่ในครัวของร้านอาหาร ซึ่งเชฟใหญ่จะปรุงอาหารมื้อพิเศษในครัวและเสิร์ฟให้ชิมทันที เรียกว่านอกจากจะอร่อยเต็มปากเต็มคำแล้ว ยังได้ชมเบื้อง หลังการสร้างสรรค์อาหารของเชฟคนโปรดอย่างละเอียดยิบด้วย เป็นการการถ่ายทอดเสน่ห์ตำรับการปรุงอาหารอันละเมียดละไม เริ่มต้นตั้งแต่ไปจ่ายตลาดด้วยตัวเองเพื่อคัดสรรวัตถุดิบที่สดใหม่ และน่าสนใจที่สุด หลังจากนั้น จึงค่อยคิดออกมาเป็นเมนูสุดสร้างสรรค์ ซึ่งแต่ละเมนูก็มีเอกลักษณ์ โดดเด่นไม่ซ้ำกันเลย ถือเป็นการวัดกึ๋นของเชฟไต้ดีทีเดียวว่า ขั้นเทพ-ของจริง หรือไม่

ค่ำคืนนี้พวกเราได้ดื่มด่ำรสชาติอาหารคาวหวานสไตล์ฝรั่งเศส รวม 6 เมนูเลยค่ะ ซึ่งทุกเมนูเชฟตั้งใจรังสรรค์มาให้ชิม คิดค้นเมนูหลังจากได้โจทย์คำว่า เสาวรสไทย ไป อาจจะเป็นเพราะพวกเราเคยไปดูงานเสาวรสที่ไร่บุญรอดมาแล้ว เลยทำให้ตื่นเต้นกันใหญ่เลยว่าจะเป็นเมนูอะไร เชฟบอกว่าใช้เวลาคิดทุกอย่าง 2 วัน และที่ชิมทั้งหมดต่อไปนี้ ขอออกตัวก่อนว่าส่วนตัวแหม่มไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องชื่ออาหาร ส่วนผสมใดๆ เลยแต่เป็นความประทับใจของแหม่มเองล้วนๆ ค่ะ ขอบรรยายตามความรู้สึกของตัวเองนะคะ

ก่อนจะเริ่มจากเชฟอาร์ตและผู้ช่วยเชฟคิมมาพูดคุยทำความรู้จักกันพร้อมกับเสิร์ฟไวน์ขาวเพื่อเรียกน้ำย่อยกันก่อน บรรยากาศเป็นกันเองมาก แหม่มแอบมองจากขวดแรกจะเป็นไวน์ มาจากอิตาลี รสชาติไบร์สดีค่ะ

เริ่มลุ้นไปทีละเมนูนะคะ

ลุ้นเมนูที่ 1 Chilled tomato soup
ซุปเข้มข้นมาก ทานแล้วสดชื่น อาหารเรียกน้ำย่อยอย่างดีทีเดียวค่ะ มีส่วนผสมมะเขือเทศเชอรี่กับเสาวรส หยดน้ำมัน basil ใส่ซอสโหระพาด้วย ค่อยๆ จิบชิมรสชาติก่อนนะคะ จากนั้นก็ลองทานรวดเดียวเลยค่ะ

ลุ้นเมนูที่ 2 Diver Scallop with passion fruit mayo fresh mango pineapple salad
ลุ้นเมนูแล้วต่อด้วยรสชาติค่ะ ขอบอกว่าหอยเชลล์ชิ้นใหญ่มาก ผ่านการ grill ด้วยน้ำมันมะกอกพอสะดุ้งไฟ ส่วนสลัดมีการผสมผสานระหว่าง มายองเนส สับปะรด เสาวรส มะม่วง รสชาติรวมๆ คล้ายแอ๊ปเปิ้ลเลยค่ะ หมดลงอย่างไวมาก หันไปมองของทุกคนก็หมดไวเช่นกัน สรุปคืออร่อยจนลืมดื่มด่ำรสชาติ ทานเพลินแล้วมาตบท้ายด้วยไวน์ขาวค่ะ

ลุ้นเมนูที่ 3 Roasted Yellow Spring Chicken white asparagus baby spinach and mushroom red chicken cream sauce
เชฟได้นำไก่ฝรั่งเศส ที่ผ่านการคลุกเคล้าเครื่องปรุงอบมาพอประมาณมาเลาะเอากระดูกบางส่วนออก หั่นเป็นชิ้น เอาไปทอดกับน้ำมันมะกอกและเนย ตอนทำนี่หอมฟุ้งไปทั่วครัวเลยค่ะ นั่งรอชิมอย่างใจจอจ่อ ตอนเชฟจัดวางอาหารแล้วราดด้วยซอสครีมเห็ดแล้วอยากทานมาก กลืนน้ำลายกันเลย และก็ไม่ผิดหวัง ไก่ฝรั่งเศส เนื้อนุ่มมากถึงเครื่องและหอมสุดๆ ตัวเนื้อไก่แทบจะละลายเลยค่ะ ส่วนสีเหลืองก็มาจากหนังกรอบสีเหลืองนวล จริงแล้วแหม่มว่าไก่เหลืองนวลทั้งจานเลยนะคะ ยิ่งลองทานพร้อมผักโขมและหน่อไม้ฝรั่งสีขาวแล้วทำให้รสชาติไก่หวานขึ้นไปอีก ตบท้ายด้วยไวน์ขาวยิ่งเพิ่มรสชาติความอร่อยขึ้นไปอีก ปลื้มเมนูนี้เช่นกันค่ะ

ลุ้นเมนูที่ 4 Homemade fettuccine with lobster spicy passion fruit and habanero chili
เป็น fettuccine โฮมเมดที่อร่อยเลยค่ะ ตัวเส้นเชฟทำเอง ผัดรวมกับเครื่องแกงที่ทำจากพริกฮาบาเนโร่ที่เผ็ดร้อน ผสมผสานกับเสาวรสทำให้มีรสชาติเปรี้ยวเข้มที่อร่อยลงตัว ตอนทำนี่หอมจนแบบรับรู้ว่ามีของเผ็ดฟุ้งมาเบาๆ ขอบอกว่าตอนทานนอกจากความเผ็ดร้อนแล้วยังรับรสความเปรี้ยวแต่ไม่คิดว่าจะเป็นความเปรี้ยวจากเสาวรสเลยนะ เพราะเป็นรสชาติที่ลงตัวมาก แถมมีรสชาติความหอมมาจากรากผักชีโขลกเข้ากับกระเทียม มีกุ้งล็อบสเตอร์ชิ้นหนา รสชาติหวาน อร่อยสุดๆ และสุดท้ายได้ลองทานพริกฮาบาเนโร่ที่เผ็ดที่สุดในโลกและมีปลูกที่ไร่บุญรอด ขอบอกว่าตอนทานนี่มันๆ ค่ะ สักพักอาการความเผ็ดร้อนเริ่มออกมากแต่ก็ถือว่าเผ็ดได้ใจเหมือนกันนะ น้ำตาจะไหล แต่มีตบท้ายด้วยไวน์แดงจากนิวซีแลนด์ เลยมีความพิเศษเพิ่มขึ้น วันนี้แหม่มขอเลือกเมนูนี้เป็นที่หนึ่งในใจเลย

ลุ้นเมนูที่ 5 Roasted rack of Lamb with garlic mashed potato and lamb sauce
ขาแกะราดซอสกระดูกแกะ ช่วงที่เห็นขาแกะตอนที่ยังไม่หั่นเป็นชิ้นนี่ฟินมากเลยค่ะ โหขาแกะใหญ่และเนื้อเยอะมากคลุกเคล้าด้วยผักชื่ออะไรไม่ทราบแต่ตัดกันแล้วสวยดี ส่วนรสชาติก็อร่อย เนื้อแกะไม่มีกลิ่นทำได้ดีทีเดียว ตอนทานหั่นมีดลงไปเนื้อแกะแทบจะละลายเลย ทานไปพร้อมกันไวน์แดงนี่ฟินเว่อร์ อร่อยหมดเกลี้ยงลงในพริบตา

ลุ้นเมนูที่ 6 Caramelized pineapple with passion fruit sauce for crepe suzette
ไอศกรีมวนิลา เครปราดซอสคาราเมลเสาวรส จะมีสับปะรดภูแลด้วย เมนูนี้แหม่มลุ้นสุดๆ ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร จะอร่อยแค่ไหน แม้จะไม่เก่งเรื่องของหวานหรือสูตรทำขนมใดแต่ก็พอจะรับรู้รสชาติความอร่อยได้เพราะเป็นคนชอบทานของหวานมาก เลยคาดหวังมาก ตอนทำก็นั่งมองตลอด เห็นความตั้งใจของเชฟมากแม้ขนาดจะทำมาหลายเมนูแล้วก็ตาม เชฟอาร์ตได้บรรจงทำเมนูของหวานที่มีส่วนผสมของเสาวรสให้พวกเราได้ทาน ค่อยๆ ตักใส่ทีละจาน ไม่น่าเชื่อไอศกรีมวนิลาที่นำมาจะตัดกับความเปรี้ยวของเสาวรสและสัปปะรดได้ดีทีเดียว ขอบอกว่าจานนี้แหม่มทายถูกว่าเชฟเลือกจานไหนถ่ายรูป

สำหรับ Chef’s Table ที่นี่รองรับลูกค้าได้ต่ำสุด 4 ท่านและมากสุดเป็นกลุ่ม 16 ท่าน ห้องในบ้านและครัว กว้างขวางพอสมควร โดยแต่ละครั้งลูกค้าที่มาก็จะเป็นการบอกต่อแบบปากต่อปาก เป็นการแนะนำจากคนที่เคยมาทานแล้วให้มาทานมากกว่า ดูเป็น Exclusive แสนพิเศษมาก สำหรับค่ำคืนนี้ ราคาต่อคนประมาณ 5 พันบาทถือว่าคุ้มมากมายกับความรู้สึกพิเศษที่ได้รับ โดยสามารถติดต่อเข้าไปทางไลน์ ได้ที่ @Cheffyart ค่ะ

Chef’s Table by Chef Art กับระยะเวลาร่วม 5 ชั่วโมง เชฟอาร์ตกับพวกเรา ประทับใจทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูป-กิน-ดู-ถาม-สนทนา-รอ-กลิ่นที่โชยมา มันช่างเป็นความรู้สึกสนุก ลุ้นทุกเมนูอย่างมีความสุขว่าจะได้ทานอะไร ยากมากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างใจและความรู้สึกที่ได้สัมผัส ลุ้นแม้กระทั่งว่าเชฟจะเลือกจานไหนถ่ายรูปเก็บไว้ ต้องลองไปพิสูจน์กันเองเลยว่าพวกเราอยู่กันนานแบบนี้ได้อย่างไร สำหรับวันนี้ก็พิเศษสุดๆ ได้รับความแปลกใหม่อย่างไร้ขีดจำกัด ได้ทานอาหารเหมือนทานที่บ้านของตัวเองมันต่างจากนั่งกินที่โต๊ะอาหารนอกครัวรอดูหน้าอาหารแล้วแค่กินอย่างไร เป็นประสบการณ์ตรงที่แสนจะพิเศษหาได้ยาก ณ ตอนนี้กันเลยค่ะ บอกคำเดียวว่า คุ้ม และน่าจะเป็นเทรนด์ใหม่ในเมืองไทยเลยนะ และพวกเราน่าจะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่มาชิม Chef’s Table ของวงการอาหารไทย

เรื่องเล่าประสบการณ์กับเชฟอาร์ตจากเพื่อนๆ

Chef’s table : ปรุงไป กินไป ดินเนอร์สุดประทับใจกับเชฟอาร์ต
ประสบการณ์..ครั้งแรก!! กับ CHEF’S TABLE BY เชฟอาร์ต มันเป็นอย่างนี้นี่เอง (เชฟหล่อมาก)
เมนูอาหารอร่อย ที่ไม่มีชื่อ Chef’s Table by เชฟอาร์ต [Chef Art]
ประสบการณ์ Chef’s table ครั้งแรกกับเซฟอาร์ต
Chef’s Table กินข้าวบ้านเพื่อนกับ เชฟอาร์ต
เมนู Syder bay ในสไตล์ Chef’s table By เชฟอาร์ต
เปิดตำนาน Chef’s Table ความอร่อยที่ไม่สิ้นสุด กับเชฟอาร์ต
ท้าลองสร้างสรรค์เสาวรสเป็นเมนูอาหารสไตล์ฝรั่งเศส Chef’s table by Chef Art ทำได้เยี่ยม
Chef Art เชฟอาร์ต- แนะนำการริน Wine
เชฟอาร์ต Chef’s Table Gallery ศิลปะอร่อยบนจานอาหาร
มนต์เสน่ห์ Chef’s Table สุนทรียภาพแห่งการทานอาหาร และรสชาติ โดยเชฟอาร์ต