Montana Farm มอนทาน่าฟาร์ม วังน้ำเขียว แหล่งเที่ยวแห่งใหม่ แค่ไปเที่ยวก็สุขใจ
Montana Farm มอนทาน่าฟาร์ม วังน้ำเขียว แหล่งเที่ยวแห่งใหม่ แค่ไปเที่ยวก็สุขใจ
สำหรับชีวิตสาวออฟฟิตที่เวลาทำงานไม่แน่นอน ไม่สามารถแพลนอะไรได้ยาว พอมีเวลานิดหน่อย ก็เลยอยากออกไปท่องโลกกว้าง ซึ่งเกณฑ์ของจังหวัดที่เราเลือกท่องเที่ยวเป็นอันดับแรก คือจะต้องเดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพ หรือระยองมากนัก แล้วแต่ว่าอาทิตย์นั้นประจำการอยู่ที่ไหน สถานที่อยากไปต้องมีต้นไม้ใบหญ้าเยอะๆ ให้เราได้มอง เพราะเราคิดว่ามันสดชื่นดี ช่วยให้เราได้มีพลังพร้อมกับไปสำหรับเริ่มงานในสัปดาห์ใหม่ และที่สำคัญค่าใช้จ่ายไม่แพง อันนี้สำคัญมาก เมื่อคิดไปคิดมาจังหวัดที่เหมาะสมที่สุด ก็คงจะเป็นจังหวัดนครราชสีมาหรือโคราชบ้านเฮานี่เอง 555+ ที่สามารถตอบโจทย์เราได้ทุกอย่าง และแล้วก็เลือก Montana Farm มอนทาน่าฟาร์ม วังน้ำเขียว
หลังจากที่คิดได้แล้วก้อเริ่มออกเดินทางกันเลย การเดินทางครั้งนี้เริ่มเดินทางจากจังหวัดระยอง โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 304 จอดแวะทักทาย สอบถามสารทุกข์สุขดิบเพื่อนสาวที่ศรีมหาโพธิ์ นางเลยแนะนำที่ท่องเที่ยวใหม่ที่เป็นทางผ่านสำหรับทริปนี้แก่เรา เลยตกลงกับพลขับว่าจะขอแวะเข้าไปดูหน่อยล่ะกันนะ เพราะขากลับเราจะกลับทางปากช่อง เมื่อพลขับตกลงแล้ว เราก็มุ่งหน้าด้วยจิตใจมุ่งมั่นไปยังวังน้ำเขียวด้วยอารมณ์แจ่มใส
และเมื่อเข้าสู่อำเภอวังน้ำเขียวแล้ว อ่ะๆ ขอบอกไว้ก่อนว่าอย่าเพิ่งเลี้ยวซ้ายเข้าไปนะจ๊ะ เพราะที่เที่ยวที่จะไปในวันนี้อยู่เลย ไปจากทางเข้าวังน้ำเขียวไปอีกประมาณ 4-5 กิโลเมตร ให้สังเกตป้ายสีแดงๆ ที่เขียนว่าอาดงขาหมูทางด้านขวามือไว้ให้ดีๆ หากเห็นป้ายแล้วให้เราชิดขวาเพื่อยูเทิร์นรถกลับ (สำหรับทางไปไม่มีรูปให้ดูนะคะ เนื่องจากงกๆ เงิ่นๆ ในการหาทางไปอยู่ ต้องขอโทษด้วยค่ะ) แล้วขับเลยร้านไปประมาณ 300 เมตร ก็จะเจอป้าย Montana Farm ที่เที่ยวของเราในวันนี้ เย้ๆ เจอแล้ว ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปตรงเข้าไปเลยค่ะ เราก็จะเจอกับรูปปั้นสาวน้อยที่รอต้อนรับทุกๆ ท่านอยู่
ก่อนเข้าไปก็ต้องซื้อตั๋วเข้าไปก่อน ค่าเข้าชมอยู่ที่คนละ 20 บาท ซึ่งถือว่าถูกมากเลยนะค่ะ และตั๋วเข้าชมนี้สามารถนำไปใช้แลกและเป็นส่วนลดสำหรับซื้อของในฟาร์มได้อีกตั้งหาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำผลไม้ หรือชา กาแฟที่เปิดอยู่ภายในฟาร์มค่ะ สำหรับพ่อแม่ที่พาลูกน้อยไปเที่ยวนะคะ ถ้าความสูงของน้องหนูไม่ถึง 110 ซม.ก็สามารถเข้าไปเที่ยวกันได้ฟรีๆ เลยค่ะ (ใจดีจัง)
เมื่อเข้าไปในฟาร์มก็จะเจอกับร้านขายอาหาร ขายน้ำผลไม้ ขายกาแฟ สวนดอกไม้ ฟาร์มน้องแกะ สวนผักไฮโดรโปรนิกส์ และ Game zone ให้เราได้รำลึกความหลังงานวัด รูปทั้งหมดในส่วนนี้เราจะลงรวมๆ รัวๆ เลยนะคะ เนื่องจากข้างบนพล่ามมายาวล่ะ ก็เลยอยากให้เพื่อนๆ ได้ชมรูปกันเยอะๆ บ้าง เริ่มกันเลยจากส่วนที่เป็นสวนดอกไม้ เดินเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะเจอแปลงผักไฮโดรโปรนิกส์ แต่ละต้นอวบอิ่มน่าทานเชียว หากต้องการจะซื้อกลับบ้านก็สามารถซื้อได้ตรงทางที่เราเข้ามาเลยค่ะ
ฟาร์มน้องแกะ จัดได้น่ารักเลย แต่ที่นี่แปลกตรงที่ไม่มีหญ้าหรือว่านม ให้เราป้อนเหมือนฟาร์มอื่นๆ ที่เราเคยไปนะ
โซนถัดไปเป็น Game Zone ที่มีทั้งปาโป่ง ยิงตุ๊กตา ยิงธนู ลานขับรถ ATV และเกมกิจกรรมอีก 2-3 เกมค่ะ
บรรยากาศภายใน ให้เราได้ถ่ายรูปเล่นกัน มีมุมสวยๆ เยอะมากเลยค่ะ แล้วแต่ว่าใครจะชอบมุมไหน ก็ถ่ายกันให้เต็มที่เลย
นอกจากนี้ร้านสเต็ก พร้อมดนตรีคันทรี่ให้ได้ฟังกัน หากใครมีเวลาว่างๆ ก็ลองหาเวลาไปเที่ยวชม Montana Farm กันดูนะค่ะ ถือได้ว่าเป็นที่ให้ความสุขเล็กๆ แก่เราในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ได้เลยแล้วจากนี้เราจะไปไหนกันต่อติดตามรีวิวหน้าได้เลยนะค่ะ เดี๋ยวจะรีบปั่นงานแล้วมารีวิวที่อื่นกันต่อค่ะ อ่อ เรามีแผนที่ไปมอนทาน่าฟาร์มให้ด้วยค่ะ
เขียนโดย ชมพูนุช อุศรัตนิวาส คุณหลานของแหม่มเองค่ะ ^__^