เปิดมุมมองใหม่แบบไม่ซ้ำใครด้วยการเช่ารถขับเที่ยว Minami Tohoku Road Map

Minami Tohoku Road Map Trip
บล็อกนี้มีไรจะบอก!! แค่อยากจะมาเปิดมุมมองใหม่ในการเที่ยว เดินทางครบ จบในวันเดียวได้หลายจุด ขอแนะนำเส้นทางการเช่ารถขับเที่ยวญี่ปุ่น 3 วัน ในโซนโทโฮขุทางตอนใต้กันค่ะ ประกอบด้วยจังหวัด Fukushima Yamagata Miyagi เน้นไปสายธรรมชาติมาก ๆ ชนบทหน่อย ๆ ใครที่ชอบไปสัมผัสบรรยากาศดีนอกเมือง ใครกำลังมองหาทริปแบบครบเครื่องเรื่องความเป็นญี่ปุ่นนี่มาถูกทางแล้วล่ะ ทริปนี้เรียกได้ว่าเป็นทริปที่คุ้มค่าและทำเวลาได้ดีค่อนข้างมาก เก็บได้หลายจุด ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นการขับรถเที่ยวเอง ทริปแบบนี้คงไม่สามารถเป็นไปได้แน่ ๆ

เช่ารถขับสนุกแค่ไหน บล็อกนี้เลยเขียนรีวิวแนะนำเส้นทางขับรถที่ไปมา ให้เพื่อน ๆ ที่สนใจวางแผนไปเที่ยวกันค่ะ จะตามรอยหรือหาเส้นทางที่เที่ยวใหม่ ๆ โซนนี้ก็ได้เลยนะคะ แต่สำหรับทริปนี้ด้วยเวลาน้อยนิดวางแพลนไว้ตามนี้ค่ะ

ROUTE :: Sendai-Fukushima-Yamagata-Miyagi-Tokyo (Narita)
แพลนเที่ยว (3D2N) :: Model Course
Day 1 ลงสนามบินเซนได รับรถ เที่ยว
Michinoku Tourist Fruit Land (Tel : 024-591-1503
Totoro no Mori (Mapcode : 660 000 402*36)
Yamadera (Tel : 023-695-2002)
Sakaeya Hotel (Tel : 023-653-3151)
Day 2 Sagae Cherry Land (Tel : 023-653-3151)
Hagurosan Shrine (Tel : 0235-62-2355)
Mogami River Basyo Line Descent (Tel : 0233-72-2001)
Totoro no Ki (Tel : 0233-55-2111)
Hijiori Onsen Kangetsu (Tel : 0233-76-2777)
Day 3 กินซังออนเซ็น (銀山温泉 / Ginzan Onsen) (Mapcode 720-859-061*30)
Naruko Gorge (Tel : 0229-87-2050)
Osaki City – A-La-Date Michi no eki (Tel : 0229-73-2236)
Toyota Rent car office Narita (Tel : 0476-32-1020)

การเดินทาง :: เช่ารถขับ
โดยเที่ยวตามแพลนที่เราวางไว้ หาชื่อสถานที่ที่เป็นภาษาญี่ปุ่นด้วย หา Mapcode หา Route ที่เป็นทางเดียวกัน เช็กระยะทางไว้ให้พร้อม ส่วนรถที่เช่ามาจะมี GPS ให้อยู่แล้ว ก็ทำการปักหมุด ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ตั้งเป็นภาษาอังกฤษให้ตั้งแต่จองรถและรับรถ ถ้ายังไม่อุ่นใจก็ใช้วิธีเปิด Google Map ไปด้วยก็ไม่ว่ากันค่ะ ^^ ซึ่งพวกเราลองแล้วก็ตรงกับ GPS อยู่นะคะ
สำหรับค่าใช้จ่ายเช่ารถขับเที่ยว แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ
1. ค่าเช่ารถ HV1 – Corolla Axio Hybrid จำนวน 3 วัน รวม 48,060 เยน (ตกวันละ 16,020 เยน) จะแพงขึ้นมาหน่อยตรงที่ต้องคืนรถต่างสาขา
2. ค่าน้ำมัน ตลอดระยะทางประมาณ 900 กม. เติม 2 ครั้ง ใช้ไป 5,349 เยน (ตก กม.ละ 5.94 เยน)
3. ค่าทางด่วนทั้งหมด 17,026 เยน (แฮ่ะ ๆ มีเลี้ยวผิด เลยต้องเสียเพิ่ม 1,290 เยน ไม่งั้นถูกกว่านี้)
ราคานี้ ไป 2 คน ค่าเดินทางรวม 70,435 เยน ตกคนละ 35,217.50 เยน คิดเป็นเงินไทยคนละ 10,107.42 บาท (เรท 28.70) ราคาอาจจะสูงกว่า JR East Pass (Tohoku Area) (5,180 บาท) ซึ่งค่าใช่จ่ายที่นอกเหนือจากใช้พาสยังไม่รวมค่ารถบัส แท๊กซี่และอื่น ๆ เลยนะ หากไปกัน 3-4 คนยิ่งถูกไปอีก แต่ข้อดีคือครอบคลุมทุกเส้นทาง ที่ JR Pass ไปไม่ถึงแถมไม่ต้องลากกระเป๋า สถานที่เที่ยวได้เยอะกว่า เซฟเวลา เที่ยวอิสระกว่าเยอะ ไม่ต้องเช็กรอบรถบัส รถไฟเลยค่ะ


เริ่มต้นการเดินทางในวันแรกตามแพลนกันค่ะ หลังจากเดินทางถึงสนามบิน Sendai ในจังหวัดมิยางิะ ก็ติดต่อรับรถ เช็กเอกสาร ตรวจสอบความเรียบร้อยของรถ โดยสามารถอ่าน วิธีการเช่ารถขับเที่ยวในญี่ปุ่นกับ Toyota Rent a Car ได้ที่นี่ค่ะ รับรถเสร็จก็ขอตะลุยขับไปท่องเที่ยวได้ทันที ก็วัยรุ่นใจร้อนนี่นา
== DAY 1 ==
จุดสตาร์ทแรกเดินทางมุ่งหน้าสู่ Michinoku Kanko Fruit Farm ขอไปเก็บผลไม้ที่สวนมิจิโนขุกันเลยค่ะ สวนแห่งนี้เพาะปลูกผลไม้ทั้งหมด 4 ชนิดด้วยกันประกอบด้วยเชอร์รี สาลี่ ลูกพีช และแอปเปิ้ล ช่วงนี้จะมีลูกพีชและแอปเปิ้ลค่ะ จะได้เจอต้นจริง ๆ ที่มีผลเยอะ ๆ สักที แค่คิดก็อยากเหาะไปถึงไวไวแล้วค่ะ ที่นี่ปลูกลูกพีชเอาไว้มากถึง 63 สายพันธุ์ เริ่มตั้งแต่ “อาคัตสึกิ” สายพันธุ์ขึ้นชื่อประจำฟุกุชิมะ โดยเราสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมเก็บลูกพีชได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน – เดือนตุลาคมเลยทีเดียว

การเดินทาง ไปง่ายมากแค่ตั้งพิกัดรหัส GPS โดยใช้เบอร์โทร 024-591-1503 นี้ค่ะ ถึงที่หมายสวนผลไม้รอเราอยู่แน่นอน
ค่าเข้าชมลูกพีช ราคาผู้ใหญ่ 860 เยน เด็กเล็ก 640 เยน / 30 นาที
เวลาทำการ 08.00 – 17.00 น. (กิจกรรมเก็บผลไม้ 08.30 – 16.00 น.)
วันหยุดไม่แน่นอน (ไม่มีวันหยุดในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว)
เบอร์โทรศัพท์ 024-591-1503
ที่อยู่ 51-1 Minamibayashi, Zainiwasaka, Fukushima, Fukushima Prefecture
สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีฟุกุชิมะ (Fukushima Station) วิธีการเดินทางมาจากสถานีรถไฟนั่งรถยนต์มาจากสถานีฟุกุชิมะ (Fukushima Station) 20 นาที เห็นมั๊ยนั่งรถไฟแล้วยังต้องต่อรถยนต์อยู่ดี หากเช่ารถขับไม่ต้องกังวลใด ๆ เลย ขับจอดเก็บสวนไหนก็ได้



สถานที่ต่อมาอันนี้น่ารักตามแบบฉบับญี่ปุ่นในเวอร์ชั่น ต้นไม้แห่ง Totoro หรือ Totoro no Mori ซึ่งเป็นตัวละครในภาพยนตร์การ์ตูนโทโทโร่เพื่อนรัก My Neighbor Totoro となりのトトロ ใครจะเรียกโทโทโร่หรือโตโตโร่ก็ได้นะคะ เรื่องนี้เป็นอนิเมะที่เต็มไปด้วยทิวทัศน์งดงามสุดขีดของชนบทญี่ปุ่น ซึ่งต้นไม้นี้ตั้งอยู่ในเขต Minamihara ของเมือง Yonezawa ในจังหวัด Yamagata ก็งดงามน่ารักเช่นกันในทุกฤดูเลย

การเดินทาง ตั้งพิกัดรหัส GPS โดยใช้ Mapcode : 660 000 402*36
Address : 587 Sumomoyama, Yonezawa City, Yamagata
ฮือ ๆ แม้จะเจอฝนแต่เราก็ยังขับรถไปเที่ยวได้น๊า เพราะความน่ารักของต้นไม้ขอบอกว่า ต้นไม้แห่ง Totoro ของที่นี่ไม่ได้มีจุดเดียวนะคะ แต่จะเป็นที่ไหนรอชมในตอนท้าย ๆ ของวันถัดไปนะคะ ส่วนต้นนี้พวกเราว่าคล้ายปิกาจู้เหมือนกันนะนี่ แต่ก็น่ารักค่ะ ^^

เพลิดเพลินกับ Totoro เยอะแล้ว ก็รีบบึ่งรถไปชมวิวบนภูเขากันที่ Risshakuji Temple หรือ วัดยามาเดระ (山寺 / Yamadera) ต่อค่ะ การเดินทาง ตั้งพิกัดรหัส GPS โดยใช้ Tel : 023-695-2002
วัดยามาเดระ ตามความหมายของชื่อที่แปลว่า วัดบนภูเขา (Yama แปลว่าภูเขา Dera แปลว่าวัด) มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า วัดริชชะกุจิ (Risshakuji) ตั้งอยู่บนเขาโฮจุซัง ในจังหวัดยามางาตะ (Yamagata) วัดริชชะกุจิเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์และมีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาคโทโฮขุ เป็นวัดที่ตั้งเป้าหมายฝันไว้นานแล้วว่าจะต้องมาขึ้นให้จงได้ แล้วความฝันก็สำเร็จค่ะ

วัดยามาเดระ Yamadera หรือ วัดริชชะกุจิ (Risshakuji)
เวลาทำการ 08:00-17:00 น.
ค่าธรรมเนียม ค่าเข้า 300 เยน โซนด้านบนเขา เริ่มจาก Temple Gate (5)

จุดหมายของเราคือขึ้นบันไดประมาณพันกว่าขั้นเพื่อไปสู่ Godaido Hall ซึ่งถือว่าเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดบนเขาโฮจุซัง จุดนี้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ วิวเมืองและเทือกเขาแบบพาโนรามาได้อย่างงดงาม มองเห็นรถไฟวิ่ง ยิ่งได้มาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีและฤดูหนาว จะสวยงามมาก ๆ ระหว่างทางขึ้นก็สวยงามเช่นกัน เดินเพลิน ๆ ก็ถึงแล้วค่ะ คนไม่ฟิตอย่างเรายังขึ้นได้สบายเลยค่ะ แม้จะหอบแฮ่กบ้าง อิอิ
การเดินเริ่มจาก Temple Gate (5) — > Ubado (6) — > Yonsunmichi Path (7) — > Semizuka Monument (8) — > Midahora (9) — > Niomon Gate (10) — > Kanmyoin (11) — > Godaido (14)

จบวันแรกจัดไป 3 สถานที่ Michinoku Kanko Fruit Farm Totoro no Mori และ Risshakuji Temple หากไม่เช่ารถขับทำไม่ได้เลยนะ เริ่มเหนื่อยล้านิดหน่อยแล้วค่ะ ตั้ง GPS มุ่งตรงไปที่พักเลยดีกว่า คืนนี้พักที่ Sakaeya Hotel 栄屋ホテル ตั้งพิกัดรหัส GPS โดยใช้ Tel : 023-653-3151

ที่นี่เป็นที่พักแนวเรียวกัง นอนพื้น มีชุดยูกาตะ มีออนเซ็น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผ่อนคลายกับการแช่ออนเซ็นอย่างเช่นพวกเราที่เดินทางมาทั้งวัน แต่พอได้แช่แล้วความเมื่อยล้าก็หายไปเลยค่ะ ดีงามจริง ๆ ค่ำคืนนี้มื้ออาหารค่ำแบบไคเซกิ ส่วนอาหารเช้าก็เริ่ดไม่แพ้กันเลยค่ะ ไว้จะมารีวิวแบบเต็ม ๆ นะคะ
Sakaeya Hotel / 栄屋ホテル http://www.sakaeyahotel.co.jp/room/
2-3-16 Kamata, Tendo City, Yamagata Prefecture 994-002




พวกเราขอปิดท้ายค่ำคืนนี้ด้วยการแช่ออนเซ็นช่วงกลางดึกแบบ VIP เพราะไม่มีคนเลยค่ะ ^^ ทำให้หลับสบายสุด ๆ
== DAY 2 ==
เริ่มต้นวันที่ 2 ด้วยความสดใสหลังจากไปแช่ออนเซ็นตอนเช้ามาอีกรอบ ก็แต่งตัวเตรียมลงไปทานอาหารเช้าที่อลังการและอร่อยกันค่ะ จุดหมายแรกของวันนี้เราจะไป Sagae Cherry Land ตั้งพิกัดรหัส GPS โดยใช้ Tel : 0237-86-3111

“Cherry land Sagae” ในเมืองซากาเอะ คล้ายจุดพักรถและขายสินค้า OTOP เลยค่ะ จะมีจำหน่ายสินค้างานหัตถกรรมที่มีชื่อเสียงของจังหวัดยามากาตะ งานนี้ได้จัดซื้อผงแกงกะหรี่เชอร์รี่มาด้วยค่ะ มีพี่ที่เคารพบอกว่าเป็นของเด็ดของที่นี่เลยนะ ก็จัดมาลองเลยค่ะ สนใจก็เข้าไปชมได้ที่เว็บไซต์ http://www.cherryland.co.jp/


เมื่อได้ของแล้วก็ออกเดินทางต่อค่ะ ไปจุดไฮไลท์ของวันนี้เลยนั่นคือ Hagurosan Shrine วัดศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนตัวในหุบเขา มี เจดีย์ห้าชั้น แห่ง Mt. Haguro ที่เก่าแก่อายุประมาณ 600 ปี และใกล้ ๆ กันจะมีต้นไม้เก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปี มีต้นสนที่มีขนาด 10 เมตรเต็มไปหมด แต่เราปักหมุด GPS ไปที่ Tel : 0235-62-2355 ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับเจดีย์ 5 ชั้นเลย แต่ไม่เป็นไรเราสามารถขับไปตามเส้นทางอีกฝั่งได้ค่ะ



งานนี้พวกเราเดินคนละฝั่งกับเจดีย์ 5 ชั้นค่ะ ใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง ขอเดินตามหาภาพเส้นทางที่อยู่ในโบรชัวร์กันค่ะ มีเป้าหมายสนุกดี ทำให้การไปเยือนของเราครั้งนี้เป็นที่น่าจดจำสุด ๆ ตอนเดินไปก็สงสัยทำไมหลายคนขึ้นมาแล้วหอบกัน พอเดินไปเรื่อยก็ทราบเลยค่ะว่าเขานี้ชันยิ่งนัก ดีนะคะที่พวกเราเป็นขาลงบันได

ระหว่างทางร่มรื่นมาก ต้นสนใหญ่สุด ๆ แต่ละที่สวย ๆ ทั้งนั้นเลย เราเดินกันไปก็คิดว่าขากลับทำไงดี แต่พระเจ้าเข้าข้างพวกเรามีน้องอีกคันมาฝั่งนี้ เลยต้องขอให้ช่วยขับรถไปส่งอีกฝั่งค่ะ ป้ากลับทางเดิมไม่ไหวแน่ ๆ 555 นับว่าเป็นประสบการณ์ที่สนุกมาก แต่งานนี้ขอบอกเลยว่า สำหรับใครที่พร้อมออกกำลังกาย อยากสัมผัสบรรยากาศ สดชื่นแจ่มใส ชอบเดินป่า ชมต้นไม้ใหญ่ ใบไม้สีเขียว ๆ ต้องที่นี่เลยค่ะ ส่วนบันไดที่วัดยามาเดระนี่เด็ก ๆ ไปเลยค่ะ ^^

เข้าประตูจากอีกฝั่งเดินไป ฮากูโระซัง (Haguro-san) ชมเจดีย์ 5 ชั้น บนยอดเขาเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าฮากูโระซัง เดินเข้าไปประมาณ 10 นาที ซึ่งใกล้มาก แค่ข้ามสะพานสีแดงไปก็จะพบกับเจดีย์ 5 ชั้นกลางป่าสนซีดาร์สวยงาม นับเป็นสมบัติล้ำค่าของชาติเลยก็ว่าได้นะคะ



ใช้เวลาที่ Hagurosan Shrine พอสมควรแล้ว ก็รีบไปบึ่งรถไป Mogami River Basyo Line Descent เพื่อให้ทันขึ้นเรือรอบสุดท้ายค่ะ (15.00 น. ค่ะ) ตั้งพิกัดรหัส GPS โดยใช้ Tel : 0233-72-2001

จุดเด่นของที่นี่คือนั่งเรือแม่น้ำโมกามิ เป็นการล่องเรือชมธรรมชาติตามแม่น้ำ Mogami จากหมู่บ้าน Tozawa ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญของการขนส่งทางแม่น้ำ ความพิเศษคือคนพายเรือจะร้องเพลงท้องถิ่นให้ฟังไปด้วยระหว่างล่องแม่น้ำ ช่วยเพิ่มบรรยากาศวิวสองข้างให้เพลิน น้อง ๆ ที่มาขึ้นเรือทันบอกอย่างสนุก ระยะทางออกเดินทางจากท่าเรือ Furuguchi มาถึงที่ท่าเรือ Kusanagi ๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง ขอสารภาพพวกเรามาขึ้นเรือไม่ทันเพราะระหว่างทางเป็นเลนเดียวไม่สามารถแซงคันหน้าได้เลย >_<
ค่าล่องเรือประมาณ 2,450 เยนต่อคน (เที่ยวเดียว) หากไป-กลับ 3,340 เยน/คน
Web อย่างเป็นทางการ http://www.blf.co.jp/index.html


และจุดที่พวกเราไม่อยากพลาด トトロの木 หรือ Totoro no Ki #ต้นไม้แห่งโทโทโระ #TreeofTotoro ตั้งพิกัดรหัส GPS โดยใช้ Tel : 0233-55-2111 ขอตัดกลับมาชมความน่ารักกันบ้าง ญี่ปุ่นก็คือญี่ปุ่นที่แท้ทรู เมื่อเป็นญี่ปุ่นทุกอย่างก็ดูน่ารักไปหมด สำหรับสาวกโทโทโระ พวกเราขับรถพาไปเช็กอินถ่ายรูปกับ เจ้าต้นไม้แห่งโทโทโระ Tree of Totoro (トトロの木 หรือ Totoro no Ki) ณ หมู่บ้าน Yodogawa, Sakegawa เมือง Yamagata กันต่อค่ะ

เจ้าต้นโตโตโร่นี้ที่จริงแล้วคือต้นซีดาร์ที่มีอายุกว่าพันปีที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ต้นซีดาร์แห่ง Magarigawa” Small Sugino-Osugi Cedars こすぎのおおすぎ ที่นี่เค้ามีสตอรี่น๊า ตามตำนานกล่าวไว้ว่า คู่รักคู่ใดที่มายืนจับมือกันใต้ตันไม้ต้นนี้ ขอพรเรื่องความรักและจะมีลูกสมดังปรารถนา

อยากรู้ว่าトトロの木 or Totoro no Ki เจ้าต้นไม้แห่งโทโทโระ น่ารักขนาดไหน มีคนแนะนำให้เข้าไปส่องแฮชแท็ก #トトロの木 ได้ค่ะ ไว้จะมารีวิวเต็ม ๆ อีกครั้งนะคะ

โอว!! วันนี้จัดได้ 4 สถานที่ค่ะ หากนับรวมที่พักก็ 5 เลยน๊า เริ่มมืดแล้วก็รีบไปที่พักดีกว่า ค่ำคืนนี้พักที่ Hijiori Onsen Kangetsu ตั้งพิกัดรหัส GPS โดยใช้ Tel : 0233-76-2777

Hijiori Onsen Kangetsu ที่พักที่ซ่อนตัวในหุบเขา ผู้คนน่ารัก เป็นที่พักแนวเรียวกัง นอนพื้น มีชุดยูกาตะ มีออนเซ็น เป็นที่อาบน้ำรวมแยกชายและหญิงค่ะ ในห้องพักจะไม่มีห้องอาบน้ำมีแต่ห้องส้วม แต่สำหรับนักท่องเที่ยวก็ไม่ต้องกลัวนะคะ ที่นี่จะมีผ้าถุงให้ใส่ทั้งชายและหญิงค่ะ ไม่มีโป๊ แช่ได้สะดวกโยธิน เป็นประสบการณ์ตื่นเต้นอีกแบบค่ะ

มีมื้ออาหารค่ำแบบไคเซกิจัดเต็ม บริการเป็นเลิศประทับใจมาก ส่วนอาหารเช้าก็เริ่ดไม่แพ้กันเลยค่ะ ไว้จะมารีวิวแบบเต็ม ๆ นะคะ


ปิดท้ายค่ำคืนนี้ ดึก ๆ ก็ไปแช่ออนเซ็นเหมือนเดิมค่ะ และที่พักแนะนำว่ามีตลาดเช้าให้เดินเล่นด้วยนะ ไม่รอช้านัดทุกคนเจอกัน 6 โมงเช้าเลยค่ะ
== DAY 3 ==
เช้าแล้วนัดน้อง ๆ ใส่ชุดยูกาตะออกมาสัมผัสความเป็นญี่ปุ่น ไปเดินตลาดเช้าในเมือง Hijiori Onsen กันค่ะ บรรยากาศยามเช้าแจ่มมาก ผู้คนน่ารักชอบบรรยากาศแบบนี้จัง อากาศก็ดี๊ดี ไปเดินเล่นแช่เท้ากันด้วยก่อนกลับมาอาบน้ำ ทานอาหารเช้าที่อลังการและอร่อยมาก เติมข้าวไป 3 ถ้วยเลยค่ะ อิอิ



เมื่อเช้าแอบส่อง กินซังออนเซ็น (銀山温泉 / Ginzan Onsen) ว่าอยู่ไม่ไกลจากที่พักของเราเลย ก็ตกลงกันว่าจะรีบไปที่นี่ก่อน ตั้งพิกัดรหัส Mapcode 720-859-061*30 นี้เลยค่ะ อยากไปมาก ๆ พอถึงอยากบอกว่า ที่นี่หน้าหนาวต้องสวยมาก ๆ แน่เลย ฮือ อยากมาหน้าหนาวจัง


สถานที่ต่อไปเราจะไป หุบเขานารุโกะ (鳴子峡 / Naruko Gorge) ตั้งพิกัดรหัส GPS โดยใช้ Tel : 0229-87-2050 ที่นี่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในหุบเขาที่สวยงามที่สุดของภูมิภาคโทโฮคุ หากได้มาช่วงใบไม้เปลี่ยนคงจะฟินสุด ๆ ขนาดมาหน้านี้ยังสดชื่นเลยค่ะ โดยเฉพาะบริเวณสะพานโอฟุคาซาว่า (Ofukazawa Bridge) เป็นมุมมหาชนและมีจุดชมวิวที่ดีที่สุดบริเวณศาลา Narukokyo Resthouse ด้วย


ครั้งนี้ขับรถมาสะดวกมาก ๆ เพราะหากเดินทางมาที่นี่ก็ต้องใช้เวลา หากไม่ขึ้นแท๊กซี่ก็ต้องรอรถบัสที่ให้บริการซึ่งมีเฉพาะช่วงต้นตุลาคม-กลางพฤศจิกายนเท่านั้นค่ะ เห็นมั๊ยข้อดีของการเช่ารถขับเที่ยว

ข้อมูล : สถานีรถไฟที่ใกล้หุบเขานารูโกะมากที่สุดคือสถานี Nakayamadaira Onsen Station และ Naruko Onsen Station (JR Rikuu-to Line) ซึ่ง Nakayamadaira Onsen Station ห่างไปทางทิศตะวันตก 2 กิโลเมตร ส่วน Naruko Onsen Station ห่างไปทางทิศตะวันออก 2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 30 นาที หรือ นั่งแท๊กซี่ 5-10 นาที ค่าใช้จ่าย 1,000-1,500 เยน หรือ รถบัสที่ให้บริการเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ต้นเดือนตุลาคม-กลางเดือนพฤศจิกายน) โดยจะแวะจอดที่ Narukokyo Resthouse และ Japan Kokeshi Museum (10 นาที 210 เยน บัสให้บริการวันละ 6-7 รอบ/วัน)

Osaki City – A-La-Date Michi no eki ตั้งพิกัดรหัส GPS โดยใช้ Tel : 0229-73-2236 เที่ยวเสร็จก็พักเหนื่อยกันหน่อย มาเติมพลังที่นี่กันค่ะ ขายของเยอะดีมีทั้งสินค้าเกษตรกรรม ร้านอาหาร อยู่กันจนเพลินจัดซอสมิโซะเป็นขวดกลับมาด้วย ชิมแล้วอร่อยมาก เสียดายจัดมาขวดเดียวเอง
A La Date na Michi-no-Eki
Address 4-1 Shimomiya Michishita, Iwadeyama Iketsuki, Osaki City, Miyagi
Phone number 0229-73-2236
Map code 317 745 492*54
URL www.ala-date.com/



แฮ่ะ ๆ พวกเราใช้เวลาที่นี่กันเพลินไปหน่อย แพลนต่อไปต้องไปอ่าวมัตสึชิมะ Matsushima เป็นจุดสุดท้ายก่อนกลับโตเกียว แต่ดูจากเวลาแล้วหากไปที่นี่ เราจะคืนรถไม่ทันแน่นอน เลยเปลี่ยนแผนกลับนาริตะเพื่อคืนรถกันเลย ไว้เดือนตุลาคมจะมาเที่ยวใหม่ บ๊ายบายที่นี่ด้วยไอศกรีมซอฟครีมค่ะ

หลังจากขับรถตะลุยท่องเที่ยวกันอย่างจุใจมากว่า 3 วัน ก็ได้เวลาเดินทางกลับไปยังสนามบินนาริตะเพื่อเดินทางกลับประเทศไทย โดยเราสามารถนำรถไปคืนได้ที่สาขาใกล้กับสนามบินได้เลย ซึ่งคือ Toyota Rental Car office Narita ทางศูนย์โตโยต้าก็ให้รหัสมาเรียบร้อย ตั้งพิกัดรหัส GPS โดยใช้ Tel : 0476-32-1020 ได้เลยค่ะ จาก Osaki City – A-La-Date Michi no eki ถึงที่นี่ประมาณ 400 กว่ากิโลเมตรเลยค่ะ ก่อนถึงก็เติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนส่งรถคืนด้วยนะคะ พร้อมกับเก็บสลิปการเติมน้ำมันไว้ด้วย
และถ้าใครที่ต้องการจะอยู่ท่องเที่ยวต่อ เจ้าหน้าที่ของ Toyota Rent–A–Car ก็จะอำนวยความสะดวกให้เราด้วยการขับไปส่งโรงแรมที่พักเฉพาะในย่านนาริตะอีกด้วย แต่ครั้งนี้มาส่งที่สนามบินนาริตะ Termianl 2 ค่ะ


เป็นอย่างไรบ้างกับการเปิดมุมมองใหม่เที่ยว Minami Tohoku Road Map แบบไม่ซ้ำใครด้วยการเช่ารถขับ แล้วจะรู้ว่าขับรถเที่ยวญี่ปุ่นง่ายนิดเดียว ได้ประสบการณ์ที่แตกต่างด้วย สำหรับใครที่ยังไม่เคยลองขับรถเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นเราขอแนะนำว่าต้องไปลองสักครั้งค่ะ เราจะติดใจเหมือนเรา

หวังว่าบล็อกนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่กำลังตัดสินใจเรื่องการเช่ารถขับเที่ยวที่ญี่ปุ่นกันนะคะ
ทริปนี้ต้องขอขอบคุณ Unithaitrip และ Japanthaifanclub ด้วยค่ะ
#minamitohokurm #unithaitrip #ยูนิไทยทริป #เที่ยวญี่ปุ่นกับunithai #sendai
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่
เพจ Unithaitrip
เพจ Japanthaifanclub
เพจ Maam Journey บันเทิงกินเที่ยว